โซล แคมป์เบลล์ อดีตตำนานกองหลังอาร์เซนอล เกิดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1974 ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ครอบครัวของเขาเป็นชาวจาไมกาที่ย้ายถิ่นฐานมาทำงานเป็นกรรมกรในประเทศอังกฤษ เขาให้ชีวิตในวัยเด็กด้วยความยากลำบาก มีพี่น้องถึง 12 คน แคมป์เบลล์ เป็นเด็กที่มีความชื่นชอบในการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก เขามักจะเล่นฟุตบอลกับเพื่อนในทุกๆ วัน เขามีฝีเท้าการเล่นฟุตบอลที่โดดเด่น และได้รับความสนใจจากทีมฟุตบอลในลอนดอนหลายทีมเลยทีเดียว ทั้ง เชลซี อาร์เซนอล ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งในเริ่มแรกเขาเลือกที่จะเข้าทำการฝึกฝนทักษะการเป็นนักฟุตบอลกับทีมเยาวชนของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในปี 1988 ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุ 14 ปี แต่เขาก็อยู่ในทีมเยาวชนของเวสต์แฮม เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น เนื่องจากเขาโดนทีมสตาฟของเวสต์แฮมเหยียดสีผิว
ในปี 1989 เขาได้ย้ายไปอยู่ในทีมเยาวชนของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และเมื่อได้เข้ามาทำการฝึกซ้อมและพัฒนาฝีเท้าที่นี่ แคมป์เบลล์ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคตให้ได้ เขาใช้เวลาในการฝึกทักษะและพัฒนาตัวเองอยู่ในทีมเยาวชนของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ อยู่เป็นเวลา 3 ปี
ในปี 1992 ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของทีมใหม่ ทำให้ แคมป์เบลล์ ในวัย 18 ปี ได้รับโอกาสขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ซึ่งจุดเด่นของเขาได้ตอนนั้นคือ เขาสามารถเล่นได้ในทุกตำแหน่งในแนวรับ และในเดือนธันวาคม 1992 เขาก็ได้รับโอกาสลงสนามเป็นครั้งแรก ในเกมที่พบกับ เชลซี ทีมคู่แข่งร่วมเมือง โดยเขาลงสนามเป็นตัวสำรอง แต่ในเกมนั้นท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แพ้ไปด้วยสกอร์ 1-2
ในฤดูกาล 1933-1994 จัสติน เอดินเบิร์ก แบ็กซ้ายของทีมได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาก็ได้รับโอกาสในการลงสนามแทนที่ และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ดีน ออสติน แบ็กขวาก็ประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บอีก และแคมป์เบลล์ ก็ถูกจับให้ลงไปเล่นแทนในตำแหน่งแบ็กขวา และเขาก็สามารถสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะในตำแหน่งไหน
และหลังจากนั้น แคมป์เบลล์ ก็กลายเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และเขาก็เปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่าของสโมสรในตอนนั้น เนื่องจากฟอร์มการเล่นของเขาในตอนนั้นเรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยในระหว่างนั้นเขาได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากต้นสังกัดในทุกๆ ด้าน และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก็คาดหวังว่าแคมป์ เบลล์ จะอยู่ค้าแข้งกับทีมไปจนถึงวันที่แขวนสตั๊ด โดยในระหว่างนั้นก็ได้มีการต่อสัญญากันมาอยู่เรื่อยๆ
จนมาในปี 2001 เป็นปีที่สัญญาของแคมป์เบลล์ จะหมดลงอีกครั้ง และแคมป์เบลล์ในตอนนั้นกลายเป็นนักเตะที่โด่งดังและถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก และการต่อสัญญาในครั้งนี้ก็เริ่มมีปัญหาเมื่อทางแคมป์เบลล์และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขการต่อสัญญาใหม่กันได้ แคมป์เบลล์เรียกเงินค่าแรงที่สูงจนท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ไม่สามารถให้ได้ จนในที่สุด แคมป์เบลล์ ก็ออกมาประกาศไม่ต่อสัญญากับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ อีกต่อไป ทำให้ในเวลานั้นต่างก็มีทีมฟุตบอลชื่อดังให้ความสนใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็ย้ายไปร่วมทีมกับอาร์เซนอล
ในปี 2001 แคมป์เบลล์ ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาร์เซนอลนั้นเป็นทีมคู่อริตลอดกาลของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทำให้แฟนบอลท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดตำนาน จูดัส อันโด่งดัง โดยสัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 4 ปีด้วยกัน พร้อมกับค่าเหนื่อย 1แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ นับว่าเป็นค่าเหนื่อยที่สูงที่สุดในอังกฤษในเวลานั้น และเพียงฤดูกาลแรกของการเข้าร่วมทีมอาร์เซนอล เขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ
ในฤดูกาล 2003-2004 เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง โดยเป็นการคว้าแชมป์ด้วยการไม่แพ้ใครเลยตลอดทั้งฤดูกาล
ตลอดระยะเวลาที่เขาเล่นให้กับอาร์เซนอล เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในนักเตะในตำแหน่งแบ็กขวาที่ดีที่สุดในเวลานั้น เขามีความแข็งแกร่งและมีทักษะทั้งในเกมรับและเกมรุกที่ยอดเยี่ยม
ในฤดูกาล 2006-2007 แคมป์เบลล์ ในวัย 33 ปี ออกเดินทางอีกครั้งด้วยการย้ายไปร่วมทีมกับ พอร์ทสมัธ โดยมีระยะเวลา 2 ปี เขาสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้ ในฤดูกาล 2007-2008 เขาได้รับความไว้วางใจในรับหน้าที่เป็นกัปตันทีม และเซ็นสัญญาฉบับใหม่ไปอีก 2 ปี แต่หลังจากนั้นพอร์ทสมัธ ก็เจอกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เขายังอยู่เล่นให้กับทีมจนถึงปี 2009 เขาย้ายไปเล่นให้กับ น็อตต์สเคาน์ตี้ เขาเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่ได้ไม่ดีนัก ทำให้หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาก็ออกจากทีมไปและถูกยกเลิกสัญญาด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย และหลังจากนั้น แคมป์เบลล์ ในวัย 36 ปี กลับมายังอาร์เซนอล อีกครั้ง
ในปี 2010 เขาตกลงเซ็นสัญญากับนิวคลาสเซิล โดยมีระยะเวลา 1 ปี และเมื่อหมดสัญญานิวคลาสเซิลออกมาประกาศไม่ต่อสัญญาใหม่กับเขาต่อไป ทำให้แคมป์เบลล์กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดทันที
ในเดือนพฤษภาคม 2011 แคมป์เบลล์ ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการด้วยวัย 37 ปี และหลังจากนั้นเขาก็ผันตัวมีรับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล โดยในปี 2018 เขารับงานคุมทีมให้กับ แม็คเคิลสฟิลด์ ทาวน์ ต่อมาในปี 2019 เขาย้ายไปคุมทีมให้กับ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด