656
2

หลุยส์ ดิอาซ เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1997 เขาเกิดในชนเผ่าวายู ซึ่งเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองของโคลอมเบีย เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบาร์รานกาส ที่ห่างไกลจากตัวเมืองและความเจริญ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีความยากลำบากที่สุดที่หนึ่งของโคลอมเบีย ซึ่งจากพื้นฐานความเป็นอยู่ของเขาแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กน้อยจากชนเผ่าที่ห่างไกลจะก้าวขึ้นมามีชีวิตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้ามามีชื่อเสียงระดับโลกได้

ทั้งนี้ หลุยส์ ดิอาซ เติบโตมาจากหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ขัดสนเรื่องอาหาร และของเล่นที่เขามีในวัยเด็กนั่นก็คือ การเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ในช่วงกลางวันเท่านั้น หลุยส์ ดิอาซ มีความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่วัยเด็ก และพยายามฝึกซ้อมและเล่นฟุตบอลอย่างตั้งใจกับทีมฟุตบอลที่มีการตั้งขึ้นเองภายในหมู่บ้าน โดยเขามีความหวังที่จะออกไปสู่โลกกว้างในอนาคต โดยในทุกๆ วันเขาจะนั่งมองรถไฟที่แล่นออกจากหมู่บ้านของเขา

และแล้ว วันที่เป็นโอกาสของ หลุยส์ ดิอาซ ก็มาถึง เมื่อมีการประกาศเพื่อคัดเลือกนักเตะลงแข่งขันในรายการ  “Copa Americana de Pueblos Indígenas 2015 ” ซึ่งเป็นรายการ Copa America ของกลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง  การแข่งขันในรายการนี้เป็นการแข่งขันของ 8 ประเทศ ลาตินอเมริกา โดยมีเงื่อนไขว่า นักเตะทุกคนจะต้องเป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งเป็นการแข่งขันเพื่อการทูตเท่านั้น ซึ่ง ดิอาซ เดินทางเข้าตัวเมืองเพื่อทำการคัดตัวด้วยระยะทางกว่าร้อยกิโล เมื่อเขาเดินทางมาถึง ก็ได้พบกับ คาร์ลอส วัลเดอร์รามา ตำนานนักเตะชาวโคลอมเบีย ที่มาทำหน้าที่เป็นสต๊าฟของทีมชาติโคลอมเบียชุดพื้นเมือง และวันเดอร์รามา ก็คือผู้ที่ค้นพบพรสวรรค์ในตัวของ หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งในตอนแรก ดิอาซ เกือบไม่ผ่านการคัดตัว เนื่องจากรูปร่างที่ผอมแห้งของเขา เนื่องจากเด็กชนเผ่าวายูส่วนใหญ่จะมีร่างกายที่ผอมแห้ง เนื่องจากถูกละเลยจากรัฐทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นฝีเท้าของเด็กหนุ่มคนนี้ ก็ต้องเปลี่ยนใจในทันที และ หลุยส์ ดิอาซ ในวัย 18 ปี ก็ได้ลงเล่นในรายการนี้ และได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม พร้อมกับพาทีมเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับทีมชาติปารากวัย

แต่ การแข่งขันในครั้งนี้ ก็เป็นการเปลี่ยนชีวิตของ หลุยส์ ดิอาซ ไปตลอดกาล เมื่อ คาร์ลอส วัลเดอร์รามา ได้เห็นแววของ ดิอาซ จึงได้แนะนำให้ แอตเลติโก จูเนียร์ ต้นสังกัดเก่าของเขา เซ็นสัญญากับดิอาซทันที ซึ่งในช่วงแรก ดิอาซ ได้ถูกส่งไปฝึกฝีเท้ากับ บาร์รานกีญ่า ทีมในลีกรองของโคลอมเบีย ซึ่งเป็นทีมลูกของ แอตเลติโก จูเนียร์ และด้วยรูปร่างที่ผอมบางของเขา ทำให้ในตอนนั้น ดิอาซ ได้รับฉายาว่า “ไอ้เส้นก๋วยเตี๋ยว” ซึ่งนอกจาก บาร์รานกีญ่า จะทำการสอนทักษะด้านฟุตบอลให้กับเขาแล้ว ยังช่วยในเรื่องการฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขาด้วย ทำให้ร่างกายของดิอาซ ค่อยๆ ที่จะสมบูรณ์ขึ้นมา พร้อมกับฝีเท้าของเขาที่พัฒนามากขึ้น

ในปี 2017 เมื่อดิอาซ อายุ 19 ปี ก็ถูกดึงตัวกลับไปเล่นให้กับ แอตเลติโก จูเนียร์ สโมสรในลีกสูงสุดของโคลอมเบีย และที่นั่น ดิอาซ ก็ยังโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง พาทีมเป็นแชมป์ลีกของโคลอมเบีย 2 ปีติดต่อกัน จนทำให้ชื่อของ หลุยส์ ดิอาซ เป็นที่หมายตาจากหลายสโมสรดังในยุโรป

และแล้ว ก็เป็นทาง ปอร์โต้ สโมสรดังในลีกโปรตุเกส ที่สามารถคว้าตัว หลุยส์ ดิอาซ เข้ามาร่วมทีมได้สำเร็จ ในปี 2019 ด้วยสัญญาค่าตัว 7 ล้านยูโร  และ ดิอาซ ก็สามารถปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เขาได้เล่นเป็นตัวหลักให้กับ ปอร์โต ตั้งแต่ในฤดูกาลแรก และ ดิอาซ ก็กลายเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนบอลปอร์โตได้อย่างรวดเร็ว และด้วยผลงานอันก้าวกระโดดของเขา ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในลีกของโปรตุเกส

โดยในฤดูกาลแรกที่เขาเล่นให้กับปอร์โต เขายิงประตูได้ถึง 14 ประตู จากการลงสนาม 50 นัด และช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสมาครอง  ในปีต่อมา เขาทำได้ 11 ประตูจากการลงสนาม 47 นัด และในฤดูกาลต่อมา เขาทำประตูได้ 16 ประตู จากการลงสนาม 28 นัด

และจากผลงานฝีเท้าและฟอร์มการเล่นของเขา ทำให้ เขาติดทีมชาติโคลอมเบีย ไปเล่น ในรายการ โคป้า อเมริกา 2021 และในรายการนี้ก็ทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จักชื่อของ หลุยส์ ดิอาซ มากขึ้น และ หลุยส์ ดิอาซ ก็ช่วยทีมชาติโคลอมเบียจบในอันดับ 3 ของรายการนี้ และเขาก็มีชื่อติดในทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้ด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นดาวซัลโวร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี จากการทำได้ 4 ประตู

มาจนถึงในตอนนี้ หลุยส์ ดิอาซ กลายเป็นนักเตะชั้นแนวหน้าระดับโลกไปแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงแค่ไหน ดิอาซ ก็ยังไม่เคยลืมบ้านเกิดของตัวเอง เขายังหาเวลาว่างกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนบ้านของเขาในหมู่บ้านวายูเสมอ อย่างที่มีคลิปที่เขาลงเล่นฟุตบอลที่บ้านเกิดของเขา พร้อมกับเสียงเชียร์ของอดีตเพื่อนบ้านของเขา ดิอาซ กลายเป็นแบบอย่างของชนเผ่าพื้นเมืองของโคลอมเบีย ที่มีความพยายามจนประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ เส้นทางการก้าวขึ้นไปยืนเป็นนักเตะชั้นแนวหน้าระดับโลกของเขายังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อในช่วงมกราคม 2022 หลุยส์ ดิอาซ ถูก ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก คว้าตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัวรวมกัน 50 ล้านปอนด์ ภายใต้สัญญา 5 ปี โดย ดิอาซ ได้สวมเสื้อหมายเลข 23 ในการลงสนามให้กับลิเวอร์พูล และ ดิอาซ ก็ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับทีมใหม่นาน เขาก็โชว์ฟอร์มอันร้อนแรงได้ในทันที ด้วยการยิงประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล ในเดือนกุมภาพันธ์ ในเกมที่ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ นอริช ซิตี้ 3-1 และถัดมาในเดือน มีนาคม ดิอาซ ก็ทำประตูที่สอง ในนัดที่ ชนะ ไบรท์ตัน 2-0

หลังจากนี้ ก็จะเป็นการที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกให้ได้อย่างเต็มตัว และด้วยเรื่องราวในวัยเด็กที่ฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อที่จะได้รับโอกาส และฝีเท้าของเขา รวมถึงการที่เขาไม่เคยลืมรากเหง้าของตัวเอง หลุยส์ ดิอาซ จะกลายเป็นนักเตะที่น่ายกย่องคนหนึ่งเลยทีเดียว

สมัครสมาชิกวันนี้รับโปรโมชั่น

ฝาก 1000 รับฟรี แก้วเยติ
สมัครวันนี้300รับฟรีกระเป๋าผ้า656 ครบ 500 รับฟรีเสื้อมหาเฮง
เล่นครบ1000รับฟรีหมอน656